วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มาริโอ บาโลเตลลี่ – Mario Balotelli

ประวัตินักฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้

Mario-Balotelli ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ                  :     มาริโอ บาร์วูอาห์ บาโลเตลลี่
วันเกิด             :     12 สิงหาคม 1990
เกิดที่               :     ปาแลร์โม่, อิตาลี
ตำแหน่ง          :     กองหน้า
ส่วนสูง             :     188 ซม.
สโมสรปัจจุบัน  :     แมนเชสเตอร์ ซิตี้
หมายเลขเสื้อ    :     45






สโมสรอาชีพ
2005 – 2007       ลูเมซซาเน่   
2006 – 2007       อินเตอร์ (ยืมตัว)   
2007 – 2010       อินเตอร์   
2010 - ปัจจุบัน     แมนเชสเตอร์ ซิตี้  
ทีมชาติ
2010 - ปัจจุบัน     อิตาลี   

สมญานาม "แบดบอย" ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ถึงจะก่อเรื่องให้ต้นสังกัดได้ปวดหัวกันบ่อยๆ แต่คงยากที่จะปฏิเสธว่า บาโลเตลลี่ เป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่งในยุโรป
ก่อนที่จะมาเป็นนักเตะชื่อ ดังของอินเตอร์และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างทุกวันนี้ บาโลเตลลี่ ต้องประสบกับความยากลำบากมาก่อนเมื่อพ่อแม่ชาวกาน่าของเขา ซึ่งอพยพมาอยู่อิตาลี ไม่สามารถรับภาระเลี้ยงดูลูกชายได้ จึงตัดสินใจยกลูกให้ครอบครัวอุปถัมภ์ชาวอิตาเลียนเป็นผู้ดูแล
อย่างไรก็ตาม ฟรานเชสโก้ และ ซิลเวีย บาโลเตลลี่ ไม่ได้จดทะเบียนรับเขาเป็นบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการ ทำให้ มาริโอ ยังคงถือสัญชาติกาน่า และเมื่อเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการลูกหนัง โธมัส และ โรส บาร์วูอาห์ พ่อแม่ที่แท้จริงก็ขอให้ลูกชายกลับมาอยู่กับตน แต่ มาริโอ ไม่ยอมกลับไปเนื่องจากยังโกรธแค้นที่ทิ้งตนไปและมองว่าพ่อแม่ของเขากลับมาก็ เพราะเห็นแก่เงินและชื่อเสียงเท่านั้น

บาโลเตลลี่ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับทีมลูเมซซาเน่ ในวัย 15 ปี แต่หลังจากที่ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ได้เพียง 2 นัด เขาก็ลองไปทดสอบฝีเท้ากับบาร์เซโลน่า แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนที่จะย้ายมาเล่นให้อินเตอร์ในปี 2007
โรแบร์โต้ มันชินี่ ซึ่งเป็นโค้ช "งูใหญ่" ในเวลานั้น ได้ให้โอกาส บาโลเตลลี่ ลงเล่นในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมเซเรีย อา เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2007 ซึ่งเขาลงมาเป็นตัวสำรองในเกมที่อินเตอร์ คว้าชัยเหนือ กายารี่ 2-0
อีก 3 วันต่อมา บาโลเตลลี่ ก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมโคปปา อิตาเลีย ที่ชนะ เรจจิน่า 4-2 โดยเขาทำได้ 2 ประตู จากนั้น หัวหอกรายนี้ก็ได้รับความสนใจจากสื่อในแดนมะกะโรนีหลังจากที่เหมาคนเดียว 2 ประตูให้อินเตอร์ บุกไปชนะยูเวนตุส 3-2 ในรอบก่อนรองชนะเลิศโคปปา อิตาเลีย นัดที่ 2
ประตูแรกในเซเรีย อา ของบาโลเตลลี่ เกิดขึ้นในเกมที่บุกไปชนะ อตาลันต้า 2-0 ในเดือนเม.ย. 2008 ก่อนที่อินเตอร์ จะคว้าสคูเด็ตโต้ในฤดูกาล 2007-08 ไปครอง นอกจากนั้น เขายังลงมาเป็นตัวสำรองในรอบชิงชนะเลิศซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย กับ โรม่า และช่วยทำประตูให้ทีมในช่วงท้ายเกมก่อนจะเสมอกันไป 2-2 และ "งูใหญ่" คว้าชัยในการดวลจุดโทษตัดสิน
ในเดือน พ.ย. 2008 บาโลเตลลี่ ก็ทำประตูแรกในแชมเปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จ ในเกมที่เสมอกับอนอโธซิส ฟามากุสต้า จากไซปรัส 3-3 ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอินเตอร์ที่อายุน้อยที่สุด (18 ปี กับ 85 วัน) ที่ทำประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ได้ (ทำลายสถิติเก่าอย่างโอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ ที่ทำไว้เมื่ออายุ 18 ปี 145 วัน)
บาโลเตลลี่ กลายเป็นข่าวใหญ่ในอิตาลีอีกครั้งหลังจากที่เขาถูกแฟนบอลยูเวนตุส ตะโกนเหยียดสีผิวตลอดทั้งเกมในนัดที่เขาทำประตูให้อินเตอร์เสมอกับ "ม้าลาย" 1-1 ซึ่งนอกจากประธานสโมสรของทั้งสองทีมจะออกมาประณามการกระทำดังกล่าวของกอง เชียร์แล้ว ยูเวนตุส ยังถูกสั่งลงโทษแบนด้วยการห้ามแฟนบอลเข้าชมเกมในบ้าน 1 นัดด้วย ก่อนที่ "งูใหญ่" จะซิวแชมป์เซเรีย อา เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
ฤดูกาลที่ 2 ของ บาโลเตลลี่ กับอินเตอร์ถือว่าน่าผิดหวังเนื่องจากเขามีปัญหาด้านวินัยบ่อยครั้ง จนถูก โชเซ่ มูรินโญ่ โค้ชชองทีมในเวลานั้น สั่งดร็อปจากทีมชุดใหญ่ในช่วงครึ่งซีซั่นหลังด้วยความสัมพันธ์ระหว่างมูริน โญ่ และ บาโลเตลลี่ ยังไม่ดีขึ้นในฤดูกาล 2009-10
โดยเฉพาะในเกมที่อินเตอร์เสมอกับ โรม่า 1-1 ในเดือนพ.ย. 2009 กุนซือชาวโปรตุกีส วิจารณ์ฟอร์มของกองหน้าวัยรุ่นอย่างไม่ไว้หน้าว่าเล่นได้อย่างห่วยแตกและน่า จะได้คะแนนเกือบ 0 จากเต็ม 10
การขัดแย้งกับมูรินโญ่ และข่าวลือที่ว่าเขามักจะขี้เกียจฝึกซ้อมทำให้ บาโลเตลลี่ ถูกรุ่นพี่ในทีมวิจารณ์อย่างหนัก และนั่นทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่ 2 กับเชลซีด้วย และยิ่งไปกว่านั้น บาโลเตลลี่ ยังสร้างความไม่พอใจให้กับสาวกงูใหญ่เมื่อสวมเสื้อทีมเอซี มิลาน คู่ปรับร่วมเมือง ในขณะที่ออกรายการโชว์ของอิตาลี
หลังที่หลุดจากทีมชุดใหญ่ไปสักระยะ บาโลเตลลี่ ก็ถูกเรียกกลับมาติดทีมอีกครั้งในเกมที่พบกับโบโลญญ่า ซึ่งเขาสามารถทำประตูได้และช่วยให้ทีมชนะไป 3-0 แต่อีกไม่นานนัก ดาวยิงเลือดร้อนก็สร้างปัญหาให้ตัวเองอีกครั้งเมื่อขว้างเสื้อทีมทิ้งลงกับ พื้นหลังจบเกมที่พบกับบาร์เซโลน่า ในรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2010 เนื่องจากไม่พอใจกองเชียร์ที่โห่ใส่เขาเพราะเล่นไม่ออก
การกระทำดังกล่าวของบาโลเตลลี่ สร้างความโกรธแค้นให้กับแฟนบอลอย่างมากจนนำไปสู่การทำร้ายร่างกายเขาหลังจบเกม
หลังจากที่เป็นข่าวในด้านลบมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดอินเตอร์ ก็ตัดสินใจขาย บาโลเตลลี่ ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2010 ด้วยค่าตัวราว 24 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,350 ล้านบาทในเวลานั้น) และนั่นทำให้เขาได้ร่วมงานกับอดีตโค้ชอย่าง มันชินี่ อีกครั้ง
อีก 1 สัปดาห์ต่อมา บาโลเตลลี่ ได้ลงสนามเป็นนัดแรกให้กับ "เรือใบสีฟ้า" และสามารถทำประตูได้ทันทีในเกมยูโรป้า ลีกที่ออกไปเยือน ติมิโซร่า
อย่างไรก็ตาม วันที่ 8 ก.ย. ศูนย์หน้าชาวอิตาเลียนเชื้อสายกาน่า ก็โชคร้ายได้รับบาดเจ็บที่เข่าขวาอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารับการผ่าตัด ก่อนจะได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในเดือนต่อมา
วันที่ 24 ต.ค. 2010 บาโลเตลลี่ ก็ได้ลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกเป็นนัดแรกด้วยการลงมาเป็นตัวสำรองก่อนที่ซิ ตี้ จะพ่ายคาถิ่นต่ออาร์เซน่อล 0-3 ก่อนที่จะเป็นตัวจริงนัดแรกในลีกในอีก 6 วันถัดมา ซึ่งทีมพ่ายวูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 ในการเป็นทีมเยือน
ประตูแรกและประตูที่ 2 ของเขาในพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้นในนัดที่เอาชนะเวสต์บรอมวิช 2-0 ทว่า บาโลเตลลี่ ก็ต้องถูกไล่ออกจากสนามฐานเล่นรุนแรงเกินเหตุกับยุสซุฟ มูลุมบู ก่อนที่จะมาเหมาคนเดียว 2 ประตูให้ทีมของมันชินี่ ถล่มเร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก 3-0 ในเกมยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2010 หัวหอกแบดบอยก็คว้ารางวัลโกลเด้น บอย อวอร์ด ด้วยการเฉือนชนะ แจ็ค วิลเชียร์ ดาวรุ่งอาร์เซน่อลไปอย่างฉิวเฉียด ก่อนที่อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา บาโลเตลลี่ จะทำแฮตทริกแรกในพรีเมียร์ลีกในเกมที่ช่วยให้ "เรือใบสีฟ้า" ต้อนแอสตัน วิลล่า 4-0
แม้สถิติการทำประตูจะน่าประทับใจแต่ความเจ้าอารมณ์ของเขายัง สร้างปัญหาอย่างต่อเนื่อง และในเดือนมี.ค. 2011 บาโลเตลลี่ ก็ถูกใบแดงอีกครั้งในเกมยูโรป้า ลีกที่พบกับ ดินาโม เคียฟ
วันที่ 14 พ.ค. 2011 ศูนย์หน้าชาวอิตาเลียน คว้าตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมที่ซิตี้ เฉือนชนะ สโต๊ค 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ และถือเป็นแชมป์แรกของ "เรือใบสีฟ้า" ในรอบ 35 ปีด้วย
ในส่วนของทีมชาตินั้น บาโลเตลลี่ ไม่สามารถติดทีมชาติอิตาลีชุดอายุไม่เกิน 15 ปีและ 17 ปีได้ เนื่องจากสถานะของเขายังเป็นเพียงผู้อพยพชาวกาน่า แม้จะเกิดที่ปาแลร์โม่ก็ตาม
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2007 เพียง 5 วันก่อนที่จะอายุครบ 17 ปี บาโลเตลลี่ ได้รับการติดต่อจากโค้ชทีมชาติกาน่าให้เล่นทีมชุดใหญ่กับ เซเนกัล ในเกมอุ่นเครื่องที่กรุงลอนดอน อังกฤษ แต่เขาได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวด้วยการยืนยันว่าต้องการเล่นให้ทีมชาติ อิตาลีเท่านั้น
ในที่สุดฝันของ บาโลเตลลี่ ก็เป็นจริงเมื่อได้รับสัญชาติอิตาลีเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2008 ซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถเล่นให้ทีม "อัซซูรี่" ชุดอายุไม่เกิน 21 ปีได้อย่างไม่มีปัญหา ก่อนที่จะได้ลงเล่นเกมแรกในวันที่ 5 ก.ย. 2008 ซึ่งเขาทำประตูในนามทีมชาติเป็นครั้งแรกในเกมที่เสมอกับกรีซ 1-1
หลังจากได้ลงเล่นในทีมชุดยู-21 ปีอย่างต่อเนื่อง บาโลเตลลี่ ก็มีชื่อติดทีมชุดใหญ่ของอิตาลีเป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของเซซาเร่ บรันเดลลี่ ในเกมนัดกระชับมิตรกับไอวอรี่โคสต์ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2010 ซึ่งเป็นนัดแรกหลังจากที่ "อัซซูรี่" ตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ที่ประเทศแอฟริกาใต้ แต่สุดท้ายอิตาลีก็พ่ายไป 0-1
 
ข้อมูลจาก: MSN ฟุตบอล

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น